“กินเพลิน เดินเก๋ เท่อย่างใต้” กระบี่ ตรัง สตูล 3 คืน 4 วัน
ทริปกินเพลิน เดินเก๋ เท่อย่างใต้ ชวนชิมร้านอาหารเก่าแก่ชื่อดังประจำจังหวัด ล่องเรือชมธรรมขาติ เล่นน้ำสระมรกต ดำน้ำดูปะการัง ทริปนี้พาไปจังหวัดกระบี่เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของภาคใต้ มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น หาดทรายขาว น้ำทะเลใส ปะการัง ถ้ำ และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 100 เกาะ จังหวัดตรัง เมืองคนช่างกิน เมื่อเอ่ยถึงเมืองตรัง สิ่งแรกที่คิดถึงน่าจะเป็นหมูย่างหนังกรอบๆ ติ่มซำร้อนๆ เค้กมีรู สระมรกต ต้นยางต้นแรกของประเทศไทย จังหวัดสตูล “สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์” สตูลคือจังหวัดที่รวมไว้ซึ่งวิถีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนของพี่น้องชาวไทยมุสลิมและหมู่เกาะงดงามที่โด่งดังระดับประเทศ
เมื่อคณะของเราเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ สถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวกระบี่ คือ “สระมรกต” สระน้ำสวยใสที่ซุกซ่อนตัวอยู่ใจกลางป่า ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม มีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมบริเวณสระมรกตแห่งนี้ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเข้าชมสำหรับคนไทย 20 บาท และชาวต่างชาติ 200 บาท ซึ่งทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ จะเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพื้นที่ได้ในเวลา 8.30 น. – 17.00 น. ของทุกวัน ที่อยู่ : หมู่ที่ 2 ตำบลคลองท่อมเหนือ อำเภอคลองท่อม กระบี่ 81120
จากนั้นคณะของเราก็เดินทางไปยัง “ชุมชนเกาะกลาง” เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่กลางแม่น้ำกระบี่ ห้อมล้อมด้วยป่าชายเลนบริเวณปากแม่น้ำ ที่มีความอุดมสมบูรณ์นับพันไร่ อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชุมชนที่เรียบง่าย สำหรับอาหารเย็นของเราวันนี้ ที่ร้านขนาบน้ำวิวซีฟู้ด จากท่าเรือเจ้าฟ้าตัวเมืองกระบี่นั่งเรือต่อไปที่บริเวณชุมชนเกาะกลาง ระหว่างทางที่นั่งเรือยังจะได้เห็นบรรยากาศป่าโกงกางที่ยังมีความสมบูรณ์ ที่อยู่ : 30 หมู่ 1 ตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมือง กระบี่ 81000 เมื่อทานอาหารเสร็จเรือก็จะมาส่งที่ท่าเรือ
กินอาหารคาวกันแล้วต่อด้วยของหวาน และของหวานที่ไม่ควรพลาดในที่นี้คือ ไอศกรีมเจ๊ไหม เจ้าเก่าแก่ ขายมานานกว่า 40 ปี มี 2 รส คือ กะทิสด และช็อคโกแลต รสชาติหวานหอม ราคาถ้วยละ 25-30 บาทเท่านั้น แต่ขอบอกช้าหมดอดทานนะจะบอกให้ พิกัดไอศกรีมเจ๊ไหม 11 ถนนเหมทานนท์ อำเภอเมืองกระบี่ กระบี่
สำหรับทริปวันที่สอง คณะของเราออกเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยัง “ร้านขนมจีนโกจ้อย” ร้านขนมจีนเก่าแก่ย่านเหนือคลอง ที่อยู่คู่กระบี่มาแล้วกว่า 20 ปี เส้นขนมจีนแป้งสดของโกจ้อย ทำสดใหม่ทำทุกวัน เลือกทานได้ทั้งกับน้ำยาหลายหลาก และต้องทานคู่กับไก่ทอดร้อนๆ กรอบๆ แกล้มด้วยบรรดาผักสด นอกจากร้านนี้ที่เป็นร้านแรก ยังมีหนึ่งร้านที่ตลาดก่อนเข้าเมือง หนึ่งร้านในตัวเมืองกระบี่ และอีกหนึ่งร้านที่สนามบินกระบี่
จากนั้นคณะของเราเดินทางต่อไปยังจังหวัดตรัง จังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามหลายแห่ง รวมทั้งอาหารการกินโดยเฉพาะ “หมูย่าง” หนังกรอบๆ แสนอร่อยเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศ แวะซื้อขนมของฝากที่ร้าน “เค้กขุกมิ่ง” ต้นตำรับเค้กพื้นเมืองภาคใต้ ด้วยรสชาติและความอร่อยที่ควรคู่ชาวตรังมานานกว่า 60 ปี ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างจากเค้กทั่วไปไม่ใส่สารกันบูด ไม่ต้องผสมผงฟู เค้กขุกมิ่ง จึงเป็นของฝากที่เมื่อผู้มาเยี่ยมเยือนเมืองตรังต้องถือติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านเสมอ ที่อยู่ : 5-6 หมู่ 6 ตำบลลำภูรา ห้วยยอด ตรัง 92190
จุดแรกเรามีโอกาสไปเยี่ยมชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ “ย่านตึกเก่าเมืองตรัง” เป็นย่านที่มีสถาปัตยกรรมในรูปแบบชิโน-โปรตุกีส และแบบจีนโบราณ เนื่องจากในอดีตเมืองตรังเคยเป็นเมืองท่าทางการค้า แต่เดิมสันนิษฐานว่าอาคารเหล่านี้คงมีหลายหลังต่อเนื่องกัน ต่อมามีการรื้อออก และสร้างเป็นอาคารสมัยใหม่แทรกอยู่ ปัจจุบันจึงเห็นอาคารเก่าเหล่านี้กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เช่น ในย่านตลาดสด ย่านการค้าใกล้กับสถานีรถไฟ หอนาฬิกาตรัง เป็นต้น ที่อยู่ : ตึกเก่าเมืองตรัง ถ.ราชดำเนิน เทศบาลเมืองตรัง เมืองตรัง ตรัง
ก่อนจะเป็นเที่ยวกันต่อก็ต้องอิ่มท้องกันก่อนคณะของเรารับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหาร “เลตรัง” ติ่มซำแสนอร่อยที่นึ่งสดใหม่ทุกวัน มีให้เลือกลิ้มลองกว่า 40 ชนิด ในบรรยากาศห้องแอร์เย็นสบาย ที่อยู่: 13 ถนน ไทรงาม ซอย 1 ตำบล ทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง ตรัง 92000
เมื่ออิ่มท้องกันแล้วเดินทางต่อไปยัง อำเภอกันตัง อำเภอที่เคยเป็นเมืองท่าค้าขายสำคัญในอดีต ที่นี่มีจุดที่น่าสนใจคือ “สถานีรถไฟกันตัง” สถานีรถไฟกันตังเป็นสถานีที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของไทยที่อยู่คู่กับทางรถไฟสายใต้มาตั้งแต่แรกเริ่มสร้าง เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2456 แต่ก่อนมีชื่อว่าสถานีรถไฟตรัง ก่อนที่จะมีการย้ายตัวจังหวัดไปอยู่ที่ตำบลทับเที่ยง สถานีตรังจึงเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีกันตัง ส่วนสถานีทับเที่ยงนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถานีตรัง ภารกิจหลักของสถานีกันตังคือการโดยสารและมีทางแยกเข้าสู่ท่าเรือกันตัง เพื่อใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศ มีการปรับเปลี่ยนวิธีการขนส่งสินค้า จึงทำให้ต้องยกเลิกสถานีท่าเรือกันตัง คงเหลือไว้เพียงสถานีรถไฟกันตังเป็นสถานีสุดท้าย ความโดดเด่นของสถานีรถไฟกันตังคือตัวอาคารที่มีเอกลักษณ์ ที่ยังมีรูปแบบสถาปัตยกรรมของสถานี ‘ดั้งเดิม’ เหมือนตอนเริ่มสร้าง ตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางขนานไปกับทางรถไฟ ผังสถานีแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ตัวอาคารสถานี และชานชาลามีหลังคาคลุม ลักษณะตัวสถานีเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวผสมผสานศิลปะแบบตะวันออกและตะวันตก หลังคาเป็นรูปทรงปั้นหยาผสมกับหลังคาจั่ว โครงสร้างอาคารเป็นแบบกรอบเสาคานกรุด้วยแผ่นไม้ ความโดดเด่นของเสาค้ำยันทุกต้นมีลูกเล่นในการเซาะร่องไม้เป็น 3 ร่องพร้อมตกแต่งด้วยคิ้วบังรอบเสา และมีคิ้วบัวค้ำยันฉลุลายที่วิจิตรพร้อมกับการค้ำยันที่ประกอบช่องประตูมีการตกแต่งคล้ายซุ้มประตูโค้งประดับลายฉลุไม้ หากมองไปทางประตูและหน้าต่างจะเห็นเอกลักษณ์แบบบานลูกฟักไม้ เหนือบานประตูมีเกล็ดบายอากาศและการตีไม้ระแนงคู่กันเพื่อระบายอากาศที่ร้อนชื้นของภาคใต้ การทาสีของสถานีนั้นจะทาผนังเป็นสีเหลืองมัสตาร์ด และขอบหน้าต่าง ขอบประตู เสา รวมถึงคานต่างๆ จะเป็นสีน้ำตาลเพื่อขับกันให้โดดเด่นชวนมอง อีกหนึ่งความโดดเด่นของตัวสถานี มุขเทียบรถยนต์มีหลังคาทรงจั่ว หลังคามุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าว ที่หน้าบันประดับรูปวงกลมขนาบข้างด้วยสามเหลี่ยมฐานโค้งสองข้างที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก บริเวณพื้นที่ขายตั๋วและชานชาลานั้นมีความโปร่งสบาย ช่องจำหน่ายตั๋วมีการประดับช่องขายตั๋วให้เป็นช่องโค้งแบบ Arch ซึ่งเป็นลักษณะงานสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของยุโรป ด้านทิศใต้ของสถานีจะมีป้ายสถานีคอนกรีตสีขาวพร้อมตัวอักษร ‘กันตัง’ นอกจากนั้นยังมีป้ายเล็กๆ เพิ่มเข้ามาเพื่อให้เป็นจุดสนใจของสถานี ‘สุดทางรถไฟฝั่งอันดามัน’ จุดที่ไม่ควรพลาดในการถ่ายรูปเมื่อมาถึงที่นี่ กระซิบเบาๆ น้ำมะม่วงเบาปั่นที่ร้าน ‘สถานีรัก’ อร่อยนะ มาแล้วไม่ได้กินถือว่าพลาด ที่อยู่ : ถนนสถานี ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรังจังหวัดตรัง
ต่อที่จุดชมวิว “สวนตำหนักจันทน์” เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของอำเภอกันตัง สถานที่กำเนิดชื่อมาจากการเป็นตำหนักเล็กๆ สร้างบนเนินเขาเตี้ยๆ ในการรับเสด็จรัชกาลที่ 6 ครั้งเสด็จประพาสเมืองกันตังเมื่อปี 2452 ต่อมาเป็นเรือนรับรองของข้าราชการ ด้านบนเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองกันตัง และแม่น้ำตรังได้อย่างชัดเจน ภายในบริเวณยังมีอุโมงค์ของกองทัพญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยังคงหลงเหลือไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมร่องรอยในอดีตอีกด้วย ที่อยู่ : ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง ตรัง 92110
จุดสุดท้ายเราได้ไปชม “ต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย” ยืนต้นอยู่บริเวณริมถนนตรังคภูมิ การแพร่หลายของยางสู่ประเทศไทยนั้นประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า เมื่อครั้งที่เจ้าพระยารัษฎานุประดิษฐ์เดินทางไปมาเลเซีย ท่านได้เห็นสวนยางพารา จึงคิดนำยางมาปลูกในไทยบ้าง แต่รัฐบาลอังกฤษซึ่งยึดครองมาเลเซียขณะนั้นอยู่ไม่อนุญาต ต่อมาใน พ.ศ. 2444 พระสถลสถานพิทักษ์ ซึ่งได้เดินทางไปดูงานที่อินโดนีเซีย สามารถนำกล้ายางกลับมาได้จึงนำกล้ายางต้นแรกไปปลูกที่บ้านพัก ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพราะต้นยางเจริญเติบโตดีมาก การปลูกจึงได้ขยับขยายมากขึ้น ๆ จนมีเนื้อที่ถึง 45 ไร่ จากนั้นพระยารัษฎานุประดิษฐ์จึงจัดให้ข้าราชการไปเรียนวิชาปลูกยางเพื่อนำไปถ่ายทอดให้ชาวบ้านรู้จักปลูก รู้จักทำสวนยางบ้าง และได้นำพันธุ์ยางดี ๆ ไปแจกจ่ายให้คนใต้รู้จักปลูกยางกันแพร่หลาย จนทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดายางพาราของไทยมาจนทุกวันนี้ ที่อยู่ : อยู่ริมถนนก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอกันตัง หน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
อาหารเย็นสำหรับทริปนี้ที่ตรัง คือ “ร้านอาหารสีฟ้า ไลฟ์สไตล์ฟู๊ดตรัง” เปิดให้บริการคู่กับจังหวัดตรังมานานกว่า 20 ปี ด้วยประสบการณ์การทำโต๊ะจีนมานานกว่า 4 สมัย บริการอาหารพื้นเมืองตรัง ร้านนี้นำเสนอเมนูอาหารพื้นเมืองตรัง อาหารจีน อาหารคลีน อาหารเจในช่วงเทศกาล รวมแล้วกว่า 300 รายการ เรียกได้ว่าแม้จะแวะมาบ่อยๆ ก็สามารถทานอาหารได้แบบในเมนูที่ไม่ซ้ำกัน ที่อยู่ : 37 พัทลุง ถนน พัทลุง ตำบล ทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง ตรัง 92000 สำหรับคืนนี้ที่ตรังปิดท้ายด้วยโรตีเจ้าอร่อย Magic Pastry
วันที่ 3 ของการเดินทาง วันนี้เราจะเดินทางไปที่จังหวัดสตูล แต่ก่อนจะไปสตูลเราไปรับประทานอาหารเช้ากันที่ “ร้านพงษ์โอชา” ถือกำเนิดมาแล้ว 40 กว่าปี ร้านพงษ์โอชา มีอาหารให้เลือกสั่งกว่า 200 ชนิด ที่คนชอบทานมากที่สุดก็คือ หมูย่างเมืองตรังนั่นเอง หมูย่างมีสามชั้น ชั้นแรกผิวหนังกรอบ ชั้น 2 คือชั้นมันทำให้หอมกรุ่นขึ้นจมูก ชั้นที่ 3 จะเป็นเนื้อแดงใส่เครื่องสูตรกวางตุ้ง รองลงมาคือ อิ่วจาก้วย ขนมจีบกุ้ง เนื้อเน้นๆ อาหารส่วนใหญ่จะประกอบด้วยหมู เพราะคนตรังเชื่อว่าตื่นเช้ามากินหมูทั้งวันก็จะเจอแต่เรื่องหมูๆ เช่นหมูเต้าหู้, หมูเต้าหู้ทอด, หมูสามกษัตริย์, หมูไข่นกกระทา และชากาแฟ ชาที่นี่เป็นชาซีลอน ถือเป็น ชาที่ดีที่สุดในโลก และกาแฟเป็นกาแฟโรบัสต้าที่ดีเป็นอันดับ 2 ของโลก ที่นี่ยึดหลัก สะดวก สะอาด อร่อย ไม่แพง เพราะต้องการให้คนมากินราคาไม่สูง แล้วประทับใจในรสชาติ อยากให้เสพเรื่องราวการกิน เสพวัฒนธรรม เสพความเป็นกวางตุ้ง อาหารอร่อย คุณภาพวัตถุดิบระดับส่งออก ที่อยู่ : 67/17 ถนน เพลินพิทักษ์ ตำบล ทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง ตรัง 92000 (สาขา 2)
เมื่ออิ่มท้องกันแล้วเราก็ออกเดินทางไปจังหวัดสตูล จังหวัดเล็กๆ เงียบสงบ ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติป่าเขาอันสมบูรณ์ และรายล้อมไปด้วยหมู่เกาะสวยงามต่างๆ ระหว่างทางแวะทานกาแฟ “บ้านกาแฟ ณ ละงู” บ้านกาแฟอารมณ์อุ่น บ้านไม้หลังเก่าอายุคราวปู่ที่แฝงตัวอยู่ในอำเภอละงู จังหวัดสตูล ได้ถูกเสกสรรให้กลายเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่บรรยากาศภายในถูกตกแต่งให้ออกมาในโทนสีธรรมชาติ ความเรียบง่ายของอิฐ ปูน ดิน และชิ้นไม้ ทำให้รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น โซฟา โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ถูกคัดสรรจนเข้ากันได้ดีกับสไตล์ภายใน เติมความสดใสด้วยข้าวของตกแต่งน้อยชิ้นแต่ดูลงตัว ที่อยู่ : 220 หมู่ที่ 3 ตำบล กำแพง อำเภอ ละงู สตูล 91110
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อเพื่อลงเรือล่องทะเลไปชม “เกาะเขาใหญ่ปราสาทหินพันยอด” ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล เป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ของจังหวัดสตูลที่กำลังเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว โดยเราพร้อมกันที่จุดลงเรือปากน้ำรีสอร์ท ที่นี่เขาจะมีการให้ความรู้และการปฏิบัติตัวเพื่อความปลอดภัยในทะเล ให้นักท่องเที่ยวสวมชูชีพและหมวกกันน็อคก่อนการลงเรือ และพายเรือคายัค มีไกด์มืออาชีพคอยให้ความรู้และบรรยายความเป็นมาของเกาะเขาใหญ่ หลังจากนั้น เรือได้พาเราไปยังอุทยานธรนีสตูล เป็นพื้นที่ทางธรนีวิทยาที่มีการค้นพบฟอสซิลโบราณอายุกว่า 480 ล้านปี ยุคหินมหาพาลิโอโซอิก ยุคแคมเบียน และโอโดวีเซียน ถือเป็นแหล่งศึกษาทางธรรมชาติที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของไทยจากนั้นเราล่องเรือสู่หาดทรายหอยและหาดทรายสายลม เพื่อหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันแบบฟินๆ ริมชายหาด ชมทะเลสวย ฟังเสียงคลื่นเคล้าอาหารอร่อยๆ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เมื่อเสร็จจากมื้อกลางวันแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่บริเวณหน้าเขตหมู่เกาะเขาใหญ่ ล่องเรือคายัคลอดถ้ำพบรัก ถ้ำหินรูปหัวใจกลางทะเล และเข้าชมปะติมากรรมที่ธรรมชาติสรรสร้างผ่านกาลเวลาออกมาเป็นความอัศจรรย์ของแท่นปราสาทหินน้อยใหญ่นับพันๆ ยอดที่ “ปราสาทหินพันยอด” ที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะหินของน้ำฝน จนกลายเป็นแท่งหินแหลมรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับยอดปราสาทในเทพนิยาย ไปต่อกันที่ “สันหลังมังกร” เป็นแนวหาดทรายที่ยกตัวขึ้นเป็นสันทอดยาวผ่านจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ยามน้ำลงจะแลเห็นเป็นสันและหาดทรายที่ถูกคลื่นเซาะมีรูปร่างคล้ายเกล็ดของมังกร จึงเป็นที่มาของชื่อสันหลังมังกรนั่นเอง และเดินทางกลับสู่ฝั่งที่ท่าเรือปากบารา โดยผ่านวิวธรรมชาติและชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ฟังตำนานประวัติศาสตร์สำเภาเภตราที่เป็นที่มาของชื่อหมู่เกาะเภตรา พร้อมกลับถึงฝั่งด้วยความอิ่มเอมและความสุขกับการท่องเที่ยวที่ได้รับ
สำหรับอาหารมื้อเย็นของคณะของเราในค่ำวันนี้ ที่ “ร้านชาชักกัมปง” ไม่มาไม่ได้แล้ว ชาอพอลโล, ชาชัก ร้านนี้อร่อยมาก ถึงขนาดว่าใครไม่ได้มาทานถือว่ามาไม่ถึงสตูลกันเลย นอกจากโรตี ชาชักที่อร่อยแล้วยังมีอาหารตามสั่งให้เลือกทานได้ตามใจ ที่อยู่: ตำบล พิมาน อำเภอเมืองสตูล สตูล 91000