DEA และหน่วยงานปราบปรามยาเสพติด ร่วมสนทนาโต๊ะกลมกับสื่อมวลชน มองปัญหายาเสพติดไทย
นายแพทริก พิกซีอาโน หัวหน้าสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA) ประจำเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายไกรเลิศ ดาวเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รองผู้บัญชาการปฏิบัติราชการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.รังสิมันต์ สงเคราะห์ธรรม รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บก.ปส.3) และสื่อมวลชน ร่วมสนทนาโต๊ะกลมเกี่ยวกับเรื่องราวปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย และการต่อต้านอาชญกรรมข้ามชาติ
ปีที่ผ่านมา สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration: DEA) ได้บูรณาการร่วมกันกับหลายหน่วยงานของไทยในการดำเนินงานด้านการปราบปรามยาเสพติด นำไปสู่การยึดทรัพย์มูลค่า 1,900 ล้านบาท โดยการลักลอบค้ายาเสพติดในปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณที่จะลดลง ทั้งยังเพิ่มความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิต การค้าและการแพร่ระบาด เนื่องจากยังไม่สามารถควบคุมการลำเลียงสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตเข้าไปยังพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ
“สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา หรือ DEA กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคแห่งสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำภูมิภาคตะวันออกไกล โดย ภารกิจของ DEA คือ บังคับใช้กฎหมายและระเบียบว่าด้วยสารควบคุมของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนให้คำแนะนำและสนับสนุนโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดจำนวนสารควบคุมผิดกฎหมายทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ในการปฏิบัติภารกิจนี้ DEA ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการพัฒนายุทธศาสตร์ โครงการ การวางแผน และการประเมินการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสารเสพติดของสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทย DEA มีหน้าที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลไทย ในการต่อต้านปราบปรามยาเสพติดและสืบสวนเกี่ยวกับองค์กรค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนสารควบคุมเข้าสหรัฐอเมริกาและตลาดโลก
DEA มีสำนักงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2506 และในเชียงใหม่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2514 DEA ให้การสนับสนุนด้านการสืบสวน ทุนดำเนินงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรอง รวมทั้งความด้านเทคนิคให้แก่ภาคีต้านการปราบปามยาเสพติดของไทย DEA ในประเทศไทยมีภารกิจช่วยให้หน่วยงานบังคับกฎหมายของไทยดำเนินการสืบสวนคดียาเสพติดที่มีความซับช้อนได้โดยประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้เพื่อสืบเสาะ ติดตาม และทำลายองค์กรค้ายาเสพติดข้ามชาติที่สำคัญ
ทั้งนี้เพื่อสืบเสาะ ติดตาม และทำลายองค์กรค้ายาเสพติดข้ามชาติที่สำคัญ ” นอกเหนือไปจากการได้รับเงินสนับสนุนสำหรับอุปกรณ์และการฝึกอบรมจากสำนักกิจการยาเสพติดและการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ (INL) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แล้ว เจ้าหน้าที่ชาวไทยยังได้รับการฝึกอบรมพิเศษ ณ ศูนย์ฝึกอบรมของ DEA ที่เมืองควอนติโก รัฐเวอร์จิเนียอีกด้วย สหรัฐฯ ภายใต้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ได้มีส่วนช่วยให้ไทยสามารถกำจัดฝิ่นและพัฒนาการเกษตรยั่งยืนในภาคเหนือได้สำเร็จ โดยเป็นการดำเนินงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) และ DEA
ผลงานบางส่วนของ DEA ในภาคเหนือของไทย
1.พ.ศ. 2564 DEA ดำเนินการแบบบูรณาการเพื่อช่วยรัฐบาลไทยในการดำเนินงานด้านการปราบปรามยาเสพติด โดยร่วมกับ INL และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝึกขับขี่จักรยานยนต์อย่างปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ บช.ปส. ในเดือนมกราคม เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายของไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการติดตามจับกุมอาชญากรและปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด
2.เดือนกรกฎาคม 2564 DEA สนับสนุนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เครือข่ายปฏิบัติการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ ซึ่งนำไปสู่การยึดทรัพย์สินมูลค่า 1,900 บาท อันประกอบไปด้วย เงินสด ยานพาหนะ บัญชีงินฝาก และอสังหาริมทรัพย์ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการ
เฮโรอีนจำนวน 35 กิโลกรัมและยาบ้า 1,100 กิโลกรัม
3.เดือนสิงหาคม 2564 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้บริจาคอุปกรณ์ทคโนโลยีสารสนเทศมูลค่าประมาณ 71,000 เหรียญ (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) ให้แก่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
4.เดือนพฤศจิกายน 2564 DEA และ INL ร่วมสนับสนุนโครงการฝึกอบรมด้านโซเซียลมีเดียและเทคนิคการสืบสวนจากแหล่งข้อมูลเปิดให้แก่กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จังหวัดเชียงใหม่ การฝึกอบรมโดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประซาชาติ จะช่วยสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายของไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการติดตามจับกุมอาชญากรและปราบปรามการลักลอบค้ายา