สวพส.ชวนคอกาแฟ ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการลดมลพิษทางหมอกควัน ด้วยการดื่มกาแฟจากพื้นที่สูง

สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ชวนเปิดประสบการณ์ ตามรอยศาสตร์พระราชา ชิมกาแฟ     แลดูสวน อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เรียนรู้หลักการดำเนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ศาสตร์พระราชา    ในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ และสัมผัสกับเสน่ห์อันล้ำลึกของกาแฟอราบิก้าบนพื้นที่สูงที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดมลพิษทางหมอกควัน ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นางอาณดา นิรันตรายกุล ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ กล่าวว่า อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รวบรวมความรู้ด้านพืชสวน ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและการเกษตรที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งยังเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญในการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรม ตามรอยศาสตร์พระราชา ชิมกาแฟ แลดูสวน อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภารกิจและการดำเนินงานของสถาบันให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และเป็นการเผยแพร่ผลสำเร็จของเกษตรกรบนพื้นที่สูงจากการร่วมบูรณาการระหว่างสถาบันและหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะการปลูกกาแฟอราบิก้าบนพื้นที่สูงเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดมลพิษทางหมอกควัน สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนากาแฟอราบิก้า โดยการขยายผลสำเร็จด้านวิชาการของโครงการหลวง มีการส่งเสริมกาแฟอราบิก้าไปสู่ชุมชนบนพื้นที่สูง เพื่อให้เกิดรายได้ทางการเกษตรที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกรบนพื้นที่สูง โดยอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้เปิดบริการร้านกาแฟและเครื่องดื่ม “HRDI CAFE” สำหรับนักท่องเที่ยว โดยนำเมล็ดพันธ์กาแฟจาก 5 พื้นที่ที่สถาบันได้ดำเนินงานส่งเสริม ได้แก่

– โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงวาวี (กาแฟดอยช้าง)

– โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงบ่อเกลือ (กาแฟบ่อเกลือ (ห้วยโทน)

– โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง (กาแฟดอยลาง)

– โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สลอง (กาแฟดอยแม่สลอง)

– โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงปางมะโอ (กาแฟดอยปางมะโอ)

ดร.สิทธิเดช ร้อยกรอง นักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ให้ข้อมูลว่า การตัดไม้ทำลายป่าตามด้วยการเผาเศษวัชพืช ต้นไม้ รวมทั้งเศษพืชจากการทำการเกษตรต่างๆ ล้วนเป็นกิจกรรมและสาเหตุเพื่อทำการเกษตรของเกษตรกรบนพื้นที่สูง ทั้งนี้มีปัจจัยต่างๆ ที่เป็นเหตุให้เกษตรกรต้องทำเช่นนั้น อาทิ การขาดความรู้ในการทำการเกษตรที่ถูกต้อง การทำการเกษตรวีถีแบบเดิมๆ ทำให้พื้นที่ป่าไม้ทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติอย่างหลีกลี่ยงไม่ได้และนำไปสู่การประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น ปัญหาหมอกควันที่คนในพื้นที่ภาคเหนือต้องประสบเป็นประจำทุกปี ซึ่งสาเหตุหลักๆ   คงหนีไม่พ้นการเผาป่าไม้ การเผาเศษวัสดุจากการเกษตร โดยเฉพาะการทำไร่เลื่อนลอยเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง ซึ่งเห็นได้ว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาและตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรได้อย่างแท้จริง ปัจจุบัน หน่วยงานต่างๆ ได้พยายามส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำการเกษตรมาเป็นแบบผสมผสานให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากความผันผวนของราคาผลผลิต  และเน้นให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรที่มีรายได้ และช่วยรักษาป่า  ซึ่งมีพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และที่สำคัญนั้นสามารถปลูกร่วมกับพื้นที่ป่าหรือไม้ยืนต้นได้ นั่นคือ “กาแฟอราบิก้า”  สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) จึงได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนากาแฟอราบิก้า โดยการขยายผลสำเร็จด้านวิชาการของโครงการหลวง มีการส่งเสริมกาแฟอราบิก้าไปสู่ชุมชนบนพื้นที่สูง นำองค์ความรู้ในการปลูกกาแฟภายใต้ร่มเงาต้นไม้ ในการลดปัญหาเรื่องพื้นที่ปลูก เพราะเกษตรกรสามารถปลูกในพื้นที่ป่าทำกินหรือร่วมกับไม้ผลยืนต้น เช่น บ๊วย ท้อ มะคาเดเมียนัท และอะโวกาโด จึงเป็นการลดปัญหาการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่า ลดปัญหาการเผาอันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาหมอกควัน และเกษตรกรยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกกาแฟแซมสวนไม้ผล จึงนำไปสู่การประกอบอาชีพเกษตรร่วมกับการอนุรักษ์ผืนป่าได้อย่างยั่งยืน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น